Thai People

นำเสนอสาระ เรื่องราว ทั้งไทยและเทศ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมและพัฒนาสติปัญญา

Monday, April 11, 2005

ปรัชญาเมิ่งจื่อ (4)


เมิ่งจื่อกล่าวว่า "อันว่าหญิงงามดั่งไซซีแม้นถูกห่อหุ้มด้วยสิ่งอันเป็นปฏิกูลแล้ว ผู้คนย่อมจะปิดจมูกเดินหนีห่างไป ทว่าคนผู้หนึ่งแม้มีรูปโฉมอัปลักษณ์ แต่หากมีน้ำใจงาม อยู่ในศีลอันใสสะอาดทั้งกายใจ ย่อมจะสามารถกระทำการบวงสรวงต่อบรรพกษัตริย์"


จริยที่ไร้ซึ่งจรรยา ธรรมที่ไร้ซึ่งคุณธรรม ผู้มีจริยธรรมอันดีย่อมไม่(ลดตัว)ไปกระทำ

Sunday, April 03, 2005

ปรัชญาเมิ่งจื่อ (3)

เก้าจื่อกล่าวว่า "อันว่าธรรมชาติของมนุษย์นั้นเปรียบได้กับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก หากเปิดทางออกทางทิศตะวันออกก็ไหลไปทางตะวันออก เปิดทางออกตะวันตกก็ไหลไปทางตะวันตก ธรรมชาติของมนุษย์นั้นไม่อาจแบ่งแยกดีเลว คล้ายกับสายน้ำที่ไม่แบ่งแยกทิศทางออกตก "

เมิ่งจื่อกล่าวว่า "สายน้ำไม่แยกทิศทางออกตกจริง หรือยังจะไม่แยกสูงต่ำด้วย? ความดีงามของมนุษย์นั้น เปรียบได้กับสายน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ความเป็นมนุษย์นั้นไม่มีที่ไม่ดีได้ เช่นดังสายน้ำที่โดยธรรมชาติย่อมจะไหลลงสู่ที่ต่ำ อันว่าน้ำนั้น หากถูกกระตุ้นก่อกวนจนกระเพื่อมขึ้น อาจสาดซัดขึ้นสูงเหนือศีรษะ หากขวางกั้นสายน้ำ อาจให้ไหลขึ้นสู่เขาสูง หรือนี่ก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์? ด้วยการณ์เป็นไปเช่นนี้เอง คนเราที่จะประพฤติตนเลวร้ายลง ก็ด้วยเหตุดั่งนี้แล "

Saturday, April 02, 2005

ขงเบ้ง - มังกรซ่อนกาย

ก่อนปีพ.ศ. 823 ประเทศจีนในราชวงศ์ฮั่น แบ่งแผ่นดินออกเป็นสามแคว้น "จ๊กก๊ก" อยู่ทางตะวันตก ปกครองโดย เล่าปี่ มีทหารเอกเด่นรบเก่งคู่ใจอยู่สามคนคือ กวนอู เตียวหุย และจูล่ง มีที่ปรึกษาสำคัญคือ "ขงเบ้ง"
"วุยก๊ก" นำโดย โจโฉ ปกครองแคว้นเหนือ และ "ง่อก๊ก" แคว้นทางใต้ ปกครองโดย ซุนกวน

ขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับ "ขงเบ้ง" หรือคนฮกเกี้ยน เรียกชื่อว่า จูกัดเหลียง ภาษาจีนกลางออกสำเนียงเป็น จูเก๋อเหลียง
ขงเบ้งนั้นเป็นชาวนานักวิชาการ รักชีวิตสันโดษ ชอบธรรมชาติ ยึดมั่นในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แม้ว่าบิดาของขงเบ้งเป็นขุนนาง แต่ก็ไม่ยอมใช้เส้นเข้ารับราชการให้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ได้ชวนน้องชาย จูกัด กิ๋น ไปทำไร่ทำนาใกล้ป่าเขาชื่อ โงลังกั๋ง เมืองหนานหยาง มณฑลชานตุง มีอาชีพเสริมปลูกต้นหม่อนเลี้ยงไหม


เวลาว่างจากการทำงานก็ศึกษาหาความรู้วิชาพยากรณ์อากาศ รู้ลึกซึ้งถึงขั้นมีผู้ขนานนามว่า "ผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร" ขงเบ้งอ่านตำราพิชัยสงครามโบราณ จนได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในทางยุทธศาสตร์ชั้นยอดเยี่ยม มีสมญานามว่า "ฮกหลง" แปลเป็นไทยว่า "มังกรซ่อนกาย"

กิตติศัพท์ความเป็นนักปราชญ์ของขงเบ้งเลื่องลือเข้าหูเล่าปี่ เล่าปี่จึงอยากได้ขงเบ้งมาเป็นคู่คิดที่ปรึกษา เล่าปี่เดินทางไปหาขงเบ้งโดยฝ่าตะลุยหิมะพายุหนาวถึงสามครั้ง จึงได้พบขงเบ้ง แม้ขงเบ้งไม่อยากพบแกล้งนอนหลับตั้งแต่เช้าถึงเย็น เล่าปี่ก็สู้รอด้วยกิริยาสำรวมไม่ถือเอาความสะดวกของตนเป็นใหญ่ให้ลูกน้องของขงเบ้งไปปลุกให้ตื่น ขงเบ้งจึงใจอ่อน เห็นเล่าปี่มีความสุจริตใจในการที่จะรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียว ทั้งมาหาด้วยความอ่อนน้อมไม่ถือตัวเบ่งว่าเป็นพระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขงเบ้งจึงยอมทิ้งไร่นาไปช่วยเล่าปี่รบกับโจโฉ

เพียงอายุ 27 ปี ขงเบ้งผู้มีความรู้เรื่องพยากรณ์อากาศและทิศทางลมพัด เข้าบัญชาการรบครั้งแรก เผาทัพหน้าของโจโฉหนึ่งแสนคนด้วยคบเพลิงไม่กี่อัน และไขน้ำท่วมทัพหนุนของโจโฉ พออายุ 28 ปี เป็นทูตใช้วาทศิลป์เจรจากับซุนกวนแห่ง "ง่อก๊ก" มาเป็นพวก รวมยำใหญ่ทัพเรือโจโฉที่ชายทะเลกังตั๋ง เผาทหารเรือของโจโฉตายไปกว่าแปดแสนคน

ขงเบ้งเป็นผู้ที่รอบรู้ในตำราพิชัยสงคราม รู้เรื่องภูมิประเทศทั่วแผ่นดินจีน การพยากรณ์อากาศ และสามารถหยั่งการณ์ในอนาคตได้ คนจีนจึงเข้าใจผิดคิดว่าขงเบ้งมีเวทมนตร์คาถาอาคม เรียก น้ำ ลม ไฟ ได้

หลังจาก กวนอู เตียวหุย เล่าปี่ ตายจากโลกไป ขงเบ้งรับปากกับเล่าปี่ว่า จะรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งให้อยู่ใต้การปกครองของตระกูลเชื้อสายของเล่าปี่ จึงยกกองทัพไปตี "วุยก๊ก" แคว้นทางเหนือของโจโฉ ก่อนที่จะลงใต้ตีง่อก๊กของซุนกวน ในการรบนั้น ขงเบ้งใช้กลอุบายแยบยลเอาชนะข้าศึกเสมอ ดั่งคราที่ สุมาอี้ เสนาบดีของ "วุยก๊ก" ยกทัพใหญ่เข้าประชิดเมือง คราวจวนตัวและคับขันเช่นนี้ ขงเบ้งแก้ปัญหาโดยจัดฉากให้บ้านเมืองดูเป็นปกติ เปิดประตูเมืองไว้ แล้วตนนั่งเล่นพิณในหอคอยบนกำแพงอย่างสบายอารมณ์
สุมาอี้ คิดว่าเป็นกลลวงของขงเบ้งจึงสั่งให้ทัพใหญ่ของตนล่าถอยไม่เข้าโจมตีเมืองของขงเบ้ง ซึ่งถ้าสุมาอี้เข้าโจมตีก็มีโอกาสชนะมากกว่าแพ้เพราะกำลังทหารมีมากกว่าของขงเบ้ง

แล้วอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ขงเบ้งจะสิ้นใจตาย ได้สั่งการว่า อย่าให้สุมาอี้รู้ว่าขงเบ้งตาย ให้ทำรูปปั้นคนถือพัดขนนกยืนอยู่บนรถรบสองล้อเทียมม้าศึก ลวงสุมาอี้ สุมาอี้เห็นรูปปั้นนั้นแต่ไกล คิดว่าเป็นขงเบ้ง จึงตกใจสั่งทัพให้ล่าถอยไป สุมาอี้แม้เป็นผู้มีปัญญาแต่กลัวขงเบ้งครับ

ขงเบ้งนั้นไม่โกงกิน และคอรัปชั่นเชิงนโยบาย กอบโกยเพื่อลูกเมียให้เป็นเศรษฐี สั่งการก่อนตายว่า
"ข้าพเจ้ามีต้นหม่อนเลี้ยงไหมอยู่แปดร้อยต้น นาห้าสิบไร่ พอเลี้ยงลูกเมียข้าพเจ้า ทรัพย์สินนอกนั้นขอยกให้แผ่นดินจีนเลี้ยงดูทหารชั้นผู้น้อย"

ภาษาอังกฤษผิดประจำ 4 - The Misuse of "That"

คำว่า that ถูกใช้กันบ่อยๆในรูปแบบของ adverb เช่น
"I had no idea the house was that small."
"As a pianist he isn't really that good."
"If the weather is that bad you had better stay at home."

อย่างไรก้ตาม แม้จะใช้กันอย่างกว้างขวาง การใช้ that ในลักษณะนั้นถือว่า "ผิด" และควรหลีกเลี่ยง
ประโยคที่ถูกต้องควรจะเป็น

"I had no idea that house was as small as that."
"As a pianist he isn't really as good as that."
"I f the weather is as bad as that you had better stay at home."

คำว่า that ยังถูกใช้บ่อยแทนคำว่า so เช่น
"I was that happy I could have cried."
"I went to the pictures three that week, the film was that exciting."
คำว่า "that happy" และ "that exciting" ควรจะเป็น "so happy" และ "so exciting" ตามลำดับ

และคำ "that much" และ "that many" ก็ควรจะเป็น "as much as that" และ "as many as that" ตามลำดับเช่นกัน

ภาษาอังกฤษผิดประจำ 3 - As to, As regards, With regard to

"So far as concerns this committee, greater understanding would result from the improvement with regard to communication."
เรียบเรียงประโยคข้างต้นให้สั้นและง่ายได้ว่า
" Greater understanding for us would result from an improvement in communication."

"As to the children," we might read , "they are enjoying their holiday immensely."
ทำให้ง่ายได้ว่า
"The children are enjoying their holiday immensely."
อย่างไรก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่าการที่ผู้เขียนๆประโยคแรกแบบนั้นเพราะได้เกริ่นถึงสมาชิกอื่นๆในครอบครัวนอกเหนือจากเด็กๆไว้ก่อน ต่อมาจึงได้อ้างไปถึงเด็กๆ

แทนการใช้คำว่า "As to" เราอาจจะเคยใช้ "As for", "As regards", "With regard to", หรือคำที่ผิดหลักไวยากรณ์คือ "Regarding"

คำว่า Regarding นั้นเป็นการใช้ที่ "ผิด" เพราะเป็น unattached present participle คือ เด็กๆไม่ได้กำลัง regarding ตัวเอง

คำทั้ง 4-5 คำข้างต้นนั้นค่อนข้างใช้สะดวกเพราะสั้นกว่าการที่จะกล่าวอย่างเต็มรูปแบบคือ "On the subject of the children, I can report that they are enjoying their holiday immensely."

อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติ คำว่า Regarding นั้นไม่เป็นที่ยอมรับตามหลักไวยากรณ์ (ตามที่กล่าวข้างต้น)
ส่วน As regards ก็เป้นคำที่ค่อนข้างไม่ชัดเจนในแง่ความหมาย

"As to" และ "As for" เป็นคำที่เหมาะที่จะใช้ได้

ส่วน "With regard to" เป็นคำที่ยอมรับมากที่สุดในบรรดาคำข้างต้น